โครงการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมจากแอโรซอลและก๊าซมีเทนจากระบบบำบัดน้ำเสีย ระยะที่ 1 มีวัตถุประสงค์ดังนี้(1) เพื่อเก็บข้อมูลและตรวจวัดความเข้มข้นของแอโรซอล ในที่นี้หมายถึง Bio-aerosol ที่เกิดขึ้นจากการเดินระบบบำบัดน้ำเสีย (2) ตรวจวัดความเข้มข้นของก๊าซมีเทนที่เกิดขึ้นจากการเดินระบบบำบัดน้ำเสีย และ(3) ศึกษาผลกระทบจากแอโรซอลและก๊าซมีเทนที่มีต่อสุขภาพของผู้ปฏิบัติงานและประชาชนที่อาศัยอยู่ใกล้เคียงกับที่ตั้งของระบบบำบัดน้ำเสียเป็นระยะห่างจากระบบบำบัดน้ำเสีย 100 เมตรโครงการที่ทำการวิจัยเป็นโครงการประเภทอาคารชุดจำนวน 2 โครงการ ได้แก่ โครงการบ้านเอื้ออาทรบึงกุ่ม และโครงการบ้านเอื้ออาทรหัวหมากและเป็นโครงการประเภทแนวราบจำนวน 2 โครงการ ได้แก่ โครงการบ้านเอื้ออาทรจังหวัดชลบุรี (พานทอง) และโครงการบ้านเอื้ออาทรจังหวัดชลบุรี (บ้านเซิด)การเก็บตัวอย่างแบ่งออกเป็น 2 ระยะ คือ เดือนมีนาคม – กรกฎาคม 2555 และเดือนสิงหาคม – ธันวาคม 2555 โดยผลการตรวจวัดความเข้มข้นของแอโรซอลของทั้ง 4 โครงการ (อาคารชุด 2 โครงการ และ บ้านเดี่ยว 2 โครงการ) พบว่าความเข้มข้นแบคทีเรียก่อโรคในอากาศโครงการบ้านเอื้ออาทรของทั้ง 4 โครงการอยู่ในระดับเดียวกับที่พบในบรรยากาศทั่วไป โดยปริมาณโคโลนีแบคทีเรียที่ตรวจนับได้บนอาหารเลี้ยงเชื้อ TSA และBA ในแต่ละจุดเก็บมีปริมาณที่น้อยกว่าจุดเก็บในบริเวณที่เป็นพื้นที่โล่งที่อยู่ห่างจากถังเติมอากาศเป็นระยะทาง 100 เมตร โดยเป็นจุดที่อ้างอิงว่าในบริเวณดังกล่าวเป็นตัวแทนของบรรยากาศโดยทั่วไป ซึ่งสอดคล้องกับผลการทดสอบสมมติฐานของกลุ่มประชากรแบบ 2t-test และ ANOVA ที่แสดงให้เห็นว่าค่าเฉลี่ยของจำนวนโคโลนีบนอาหารเลี้ยงเชื้อ TSA และ BA และจำนวนโคโลนีของแบคทีเรียกลุ่ม ?- hemolysis บนอาหารเลี้ยงเชื้อ BA ณจุดเก็บแต่ละแห่งมีค่าน้อยกว่าหรือเท่ากับ ค่าเฉลี่ย ณจุดอ้างอิงอย่างมีนัยสำคัญ จึงสรุปได้ว่า แอโรซอลที่ตรวจพบในแต่ละโครงการไม่ใช่ปัจจัยที่จะส่งผลกระทบต่อสุขภาพของผู้พักอาศัย อีกทั้งระบบบำบัดน้ำเสียแบบเติมอากาศของโครงการนั้นเป็นลักษณะระบบปิด ซึ่งทำให้โอกาสของการกระจายตัวของแอโรซอลอยู่ในวงจำกัด ดังนั้นถังเติมอากาศของระบบบำบัดน้ำเสียในโครงการฯ จึงไม่ใช่เป็นแหล่งกำเนิดของแบคทีเรียก่อโรคที่อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพของผู้ที่อาศัยอยู่ในโครงการฯ<br><br>The objectives of this study were (1) to collect data and to evaluate the concentration ofbio-aerosol probably caused by an operation of the wastewater treatment, (2) to investigate the concentration of methane most likely originated from an operation of the wastewater treatment, and (3) to assess health effects from bio-aerosol and methane of workers and residents in the vicinity up to 100-m of such wastewater treatment. There were two condominium projects, i.e. Baan Eua Arthorn Bueng Gum and Baan Eua Arthorn Hua Mak, and there were two single-house projects, i.e. Baan Eua Arthor nChonburi (PanThong) and Baan Eua Arthorn Chonburi (BanSerd). There were two-array of sampling times (triple-collection each) engaging from March to July and August to December 2012. The finding of entire projects (2 condominiums and 2 single-house projects) demonstrated that there was less colony of bacteria on TSA and BA than those found at remote area 100-m far from aeration tank which is representing the background environment. Moreover, the concentrations of pathogenic bacteria in ambient air around the entire projects were in the same level of those found in background site. This outcome was also related to the hypothesis test of both 2t-test and ANOVA. Such test revealed that average colony of bacteria on TSA and BA, and colony of ?- hemolysisbacteria on BA at each sampling site appeared significantly less than or equal to those occurred at background site. Concisely, aerosol obtained in each project was not determined as a factor to affect healthiness of residents. Besides, aerosol dispersion should be in a boundary because of the diffused aeration system exploited. The aeration tank in each project, therefore, should not be clarified as a cause of adverse health effects from pathogenic bacteria to waste-treatment workers and local residents.